หน้าเว็บ

วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Just Tell Me : Prolouge

บทนำ
.
.
.
ห้องผนังอิฐถูกฉาบด้วยสีส้มจากคบเพลิงที่ส่องสว่างสะท้อนภาพเงามนุษย์ไหว วูบบนกำแพง  นอกจากควันขาวของซิการ์จะลอยอบอวลไปทั่วห้องส่งกลิ่นฉุนแล้ว  ข้างในนี้ยังอวลไปด้วยหมอกควันแห่งความรู้สึกจากชายฉกรรจ์เหล่านักพนันทั้ง หลาย  ประกายความปลื้มปริ่ม ความสิ้นหวังสะท้อนชัดบนแววตาของแต่ละคน  เสียงร้องเฮคละกับเสียงร่ำไห้ผสมกับเสียงดนตรีบรรเลงดังลั่นห้อง  ทั้งที่รู้ว่ามีความเสี่ยงแต่คนเหล่านี้ก็ยังพร้อมที่จะเสี่ยงอย่างหน้ามืด ตามัว  ดุจดั่งกระโจนลงไปยังก้นบ่อที่เห็นว่ามีสมบัติอยู่มากมาย  โดยไม่เคยฉุกใจคิดสักนิดว่ามีหนามแหลมเป็นกับดัก  ชวนให้รู้สึกว่าสมกับเป็นที่อโคจรซึ่งเต็มไปด้วยมลพิษรอบด้าน    ทั้งเสียง อากาศ สายตา และชีวิต

ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกนั้นมีโต๊ะตัวหนึ่งถูกจับจองโดยนักพนันสี่คนที่ส่ง เสียงครื้นเครง  ทว่ามีหนึ่งในสี่คนนั้นกลับมีใบหน้าเคร่งเครียดกว่าใครเพื่อน  นัยน์ตาสีเงินหม่นจนคนมองสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวัง  ชวนให้รู้สึกน่าสงสาร…ทว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้หรอก

คนที่ติดการพนันนั้นก็เหมือนคนที่ตกลงไปในหลุมที่ตัวเองขุดเอาไว้  และคนที่สนใจอยากลองนั้นก็เหมือนกับคนที่ขาลงไปอยู่ในหลุมข้างหนึ่งแล้ว

เจ้าหนูนี่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ยินดีก้าวขาลงไปในหลุมก่อนจะร่วงลงไปอย่าง ตอนนี้เพราะความอยากรู้อยากลอง  แต่ช่างโชคร้ายที่ต้องมาเจอกับเขา  กลลวงของการพนันคือการล้อเล่นกับความโลภของมนุษย์  มนุษย์มีความต้องการไม่สิ้นสุด  เมื่อได้แล้วก็จะยิ่งอยากได้มากขึ้นไปอีกอย่างไม่รู้จักพอ…

“เอ้าๆ ทำหน้าแบบนั้นก็เหมือนไม่ได้เล่นโป๊กเกอร์กันพอดีน่ะสิ”  ชายฉกรรจ์กระเซ้ายิ้มๆ ไปยังคนหน้าเครียด  “โป๊กเกอร์เฟซน่ะรู้จักไหม เจ้าหนู”

“อย่าไปกดดันมันนักเลย  แค่นี้มันก็เครียดจะตายอยู่แล้วล่ะ  ใช่ไหม”  เสียงผู้ร่วมโต๊ะคนหนึ่งดังขึ้นเหมือนจะปราม  หากแต่น้ำเสียงนั้นเจือแววขบขันจนเห็นได้ชัด

นัยน์ตานั่นเงยขึ้นสบมอง  ใบหน้าซีดเซียว  “ท่านเจ้ามือ…ข้าว่าข้าเลิกเล่นดีกว่า”

คนฟังเบิกตา  ก่อนพ่นหัวเราะออกมา  “ไม่ได้ๆ เริ่มแล้วก็ต้องเล่นให้มันจบๆ ตาสิ  ค้างไว้แบบนี้มันผิดกติกา  ต่อให้ไพ่เจ้าจะแย่แค่ไหนก็คงไม่ถึงขนาดหมดตัวหรอกมั้ง”

“ข้าก็ไม่แน่ใจ…”  อีกฝ่ายตอบกลับมาเบาหวิว  นัยน์ตาเริ่มชื้น  “เล่นแรกๆ มันก็ได้อยู่บ้าง  แต่หลังๆ นี่ข้าโดนกินตลอด… หรือว่าท่านโกง?”

“เฮ้!”  ชายอีกคนบนโต๊ะผุดลุกขึ้น

“หยุดก่อน”  เจ้ามือนักพนันปรามให้อีกคนนั่งลง  “จะถือสาอะไรกับเด็ก… เจ้าหนู ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้วจะไปรังแกเด็กอย่างเจ้าทำไมกัน  มันคงอยู่ที่ดวงล่ะมั้ง แต่ไม่แน่ว่ารอบนี้อาจจะมีดวงก็ได้”

“งั้นข้าเลิกเล่นดีกว่า”

“ใจร้อนซะจริง”  คนเป็นผู้ใหญ่พูดกลั้วหัวเราะ  “เดี๋ยวๆ เอาแบบนี้ไหม…”  มือหยาบกร้านผลักกองเหรียญที่อยู่ฝั่งตัวเองออกไปรวมกับกองเงินที่อยู่ตรง กลาง  “ข้าพนันให้เจ้าหมดหน้าตักเลยดีไหม”

เขาโยนเหยื่อชิ้นใหญ่ลงไป

“เอ๋!?”  เด็กหนุ่มถึงกับเด้งตัวขึ้นมาด้วยความตกใจ  “มะ… หมดหน้าตัก!  จริงๆ นะ!”

“แต่เจ้าก็ต้องลงหมดหน้าตักเหมือนกัน  มันเป็นมารยาท”

“มะ…หมดเลยเหรอ”  อีกฝ่ายแสดงความลังเลใจ  ก้มมองกองเงินของตัวเองที่เหลืออยู่น้อยนิด

“ยื่นหมูยื่นแมว  เจ้าลองคิดดูสิมันอาจจะคุ้มก็ได้  ทั้งกองนี่ข้าว่าเกือบๆ สามพันเหรียญเลยนะ”

“สามพันเหรียญ!”  เด็กหนุ่มอุทาน  ก่อนมองกองเงินนั้นตาโตแล้วลนลานเลื่อนกองเหรียญของตนออกมาบ้าง   “ท่านไม่ผิดคำพูดจริงๆ นะ หมดนี่เลยจริงๆ นะ!”

ชายฉกรรจ์หัวเราะหึๆ แล้วพยักหน้าเป็นการย้ำ  เมื่อเห็นดวงตาสีเงินของอีกฝ่ายเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้งก็ยิ้มอย่างสมใจ

เจ้าหนูจะไม่มีวันชนะในตานี้หรอก  …เขามองไพ่ที่อีกฝ่ายมีในมือแล้วคิด

“เอาล่ะที่นี้ก็เปิดไพ่ได้เสียที”

แล้วพวกเขาก็พร้อมใจกันเปิดไพ่  สิ่งที่เห็นกลับทำให้ใบหน้าเคลือบยิ้มของชายทั้งสามเปลี่ยนไป  ทั้งที่พวกเขามั่นใจว่าในมือของตนมีไพ่ที่เหนือกว่า  แต่สิ่งที่อยู่ในมือเจ้าหนูตรงหน้านั่น…กลับเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

“รอยัลฟัดจ์”

รอยยิ้มกลับเป็นของผู้อาวุโสน้อยกว่า  เป็นรอยยิ้มสมใจเกือบจะสะใจจนทำให้คนมองแทบคลั่ง  นัยน์ตาสีเงินเปล่งประกายสวยงามแต่ดูเย็นเยียบ  เด็กหนุ่มเบื้องหน้าแปรเปลี่ยนเป็นคนละคนราวกับท่าทีที่ผ่านมาเป็นภาพลวงตา

“โป๊กเกอร์เฟซน่ะรู้จักไหม ท่านเจ้ามือ”

.
.
.
เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาดังเป็นครั้งที่สองหลังจากล่วงเลยเวลาเที่ยงคืนมา ได้สองชั่วโมง ท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้นเป็นสีดำสนิทไร้แสงสุกสกาวจากดวงดาวและพระจันทร์เพราะ เป็นคืนเดือนมืด จะมีก็แต่เพียงตะเกียงหน้าร้านรวงข้างทางที่ยังให้ความสว่างอยู่แม้ว่าร้าน ค้าจะปิดไปแล้วก็ตาม  ถนนสายยาวเงียบเหงาไร้รถราใดๆ สัญจร  เมืองทั้งเมืองตกอยู่ในความเงียบสงัดราวกับเมืองร้าง  แต่ก็ถูกทำลายด้วยเสียงๆ หนึ่งที่ดังมาจากในซอกตึกเล็กๆ

“อั่ก!”  เสียงร้องดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับร่างทั้งร่างของชายฉกรรจ์คนหนึ่งกระตุก อย่างเจ็บปวดเมื่อผู้ประทุษร้ายกระแทกเข่าเข้าที่ท้องของเขาอย่างแรง  จนต้องลงไปนอนแอ้งแม้งไม่เป็นท่าบนพื้นสิ้นเรี่ยวแรงหลังจากถูกซ้อมมาเกือบ ชั่วโมง  แม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกว่ามันยาวนานราวกับหนึ่งวันเต็มๆ  ขณะที่ผู้กระทำยังคงยืนมองด้วยนัยน์ตาไร้อารมณ์  และมีผู้สมรู้ร่วมคิดยืนมองอยู่ใกล้ๆ  และมีร่างเพื่อนร่วมงานของเขาสลบอยู่ใต้แทบเท้าคนๆ นั้น

“พอได้แล้วมั้ง…เดี๋ยวมันก็ตายกันพอดี”  เสียงชายหนุ่มว่าหลังจากยืนดูมานาน  ถึงจะพูดอย่างนั้น  แต่ท่าทางก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปขัดขวางการกระทำของผู้เป็นเพื่อนแต่ประการใด

ร่างที่เล็กกว่านิ่งไปเล็กน้อยเหมือนครุ่นคิด  ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาเหยื่อเพียงด้าวเดียว  ก็ทำให้ชายฉกรรจ์คนนั้นผวา  ร้องลั่น

“พอแล้ว!  พอแล้ว!! อย่าทำอะไรข้าเลย  ขอร้องล่ะ!!”

เขาสาบานในใจว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับไอ้หนุ่มนี่อีก  ถึงแม้จะเห็นว่ามันตัวเล็กๆ ดูหลอกง่ายไร้พิษสงจากที่ตาเห็นครั้งแรกก็ตาม  แต่ใครจะไปรู้ว่ามันมีลูกเล่นกอบโกยเงินได้เป็นกอบเป็นกำในตอนสุดท้าย จนเจ้านายของเขาเลือดขึ้นหน้า  สั่งให้ตามมาสั่งสอนมันอย่างด่วน

ร่างนั้นก้มลงเก็บถุงเงินที่หล่นอยู่บนพื้น  และหันไปกระตุกถุงเงินที่ห้อยอยู่ที่เอวจากตัวเขา  ก่อนจะยืดตัวขึ้นโยนถุงเงินทั้งสองขึ้นลงในอากาศราวกับเป็นของเล่น  เสียงกรุ้งกริ๊งในถุงดังขึ้นไม่ขาด  น้ำหนักที่อยู่ในมือทำให้ร่างนั้นกระตุกยิ้มขึ้นเล็กๆ

“เงินแค่นี้ไม่เท่ากับที่พวกเจ้าโกงเงินชาวบ้านเขามาหรอกน่า”

ร่างนั้นพูดและทำท่าจะเดินจากไป  ชายฉกรรจ์ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกนึกขอบคุณในพระเจ้า  ทว่าสุดท้ายร่างนั้นก็หันกลับมา  แสงจากตะเกียงที่ยังพอมีจากด้านนอกส่องเข้ามาให้พอเห็นนัยน์ตาสีน้ำแข็ง วาววับในความมืด  นัยน์ตาอันเลือนรางของชายหนุ่มมองร่างตรงหน้ากระตุกยิ้มด้วยหัวใจเต้นรัว  เลือดในกายพลันเย็นเยียบเมื่อพบว่าอีกฝ่ายเอื้อมมือไปด้านหลังเพื่อหยิบอะไร บางอย่างออกมา  แล้วแสงสีเงินที่สะท้อนเข้านัยน์ตาก็ทำให้ชายหนุ่มเบิกตาโพลงลืมหายใจ  และล้มตึงไปทันที!

เหรียญเงินหนึ่งเหรียญดีดเข้าหน้าคนที่ล้มตึงเป็นศพไปเรียบร้อย  ขณะที่คนต้นเหตุเพิ่งสังเกตว่าร่างนั้นแน่นิ่งไป  จึงขมวดคิ้วมุ่นเข้าไปเอานิ้วอังที่จมูกทันที  ผิดกับอีกคนที่ยืนดูเหตุการณ์ตลอดกำลังขำพรืด
“หัวเราะอะไรของเจ้าน่ะ”  คนกำลังเครียดตวัดเสียงที่ดูแหลมเล็กไปถาม

“ข้ากำลังคิดว่าเจ้านั่นมันตัวโตซะเปล่าแต่ใจปลาซิวชะมัดน่ะสิ”  คนถูกถามหลุดขำออกมาอีกเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ  “ถ้าข้าอยู่ในสถานการณ์แบบมันก็คงไม่คิดว่าคนที่กระทืบข้าจนเกือบตาย  เกิดใจดีในวินาทีสุดท้ายควักเหรียญเงินเป็นค่ารักษาแผลหรอกนะ  น่าจะคิดว่าควักมีดออกมาทะลวงไส้ข้ามากกว่า ฮ่าๆๆๆๆ”

เมื่อสัมผัสถึงลมหายใจที่ยังคงมีอยู่ ร่างนั้นก็ลุกขึ้นและหันมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มตรงๆ นัยน์ตาสีเงินสะท้อนแววรำคาญในอยู่วิบวับ

“ถ้าการกระทำของข้ามันน่าขันนัก  บางทีข้าควรจะยอมเปลี่ยนใจควักมีดออกมาแทงเจ้าจริงๆ ล่ะมั้ง  แบล็ค กาเบรียล”

ชายหนุ่มนามแบล็ค กาเบรียลกระแอมไอเล็กน้อยแล้วใช้ความพยายามหุบยิ้มโดยการเกร็งกล้ามเนื้อ ใบหน้าก่อนที่เพื่อนของเขาจะชักมีดออกมาทะลวงไส้อย่างที่ได้กล่าวไว้  ทว่าอย่างไรอีกคนก็ยังเห็นรอยบุ๋มเล็กๆ ที่มุมปากปรากฏขึ้นอยู่ดี  และมันทำให้ความพยายามนั้นดูไร้ประโยชน์

“น่า… จะซีเรียสไปทำไมนักหนา  ตอนเข้าบ่อนเมื่อกี้ยังเครียดกว่าเลย ตอนนั้นข้าล่ะกลัวว่าเจ้าจะหมดตัวจริงๆ แต่เวทลวงตานี่เจ๋งชะมัด รอยัลฟัจด์เชียวนะ! ข้าคงต้องไปฝึกเวทบ้างแล้ว”

“เพราะข้ารู้ว่าถ้าเล่นกับเจ้าพวกนี้ ข้าไม่จำเป็นจะต้องเล่นอะไรให้มันใสสะอาดน่ะสิ”  ซินซ์ตอบเสียงเรียบ

ตอนนี้ทั้งสองพากันเดินออกมาจากซอกตึก  หากใครยังคงวนเวียนอยู่แถวนี้ก็คงจะเห็นหน้าตาของทั้งสองอย่างชัดเจน  บุรุษนามแบล็ค กาเบรียลนั้นเป็นชายร่างสูงที่กำยำสมส่วนจนผู้ชายหลายคนยังอิจฉา  ผิวของเขาออกสีแทนนิดๆ  ใบหน้าคมเข้มนั้นประกอบด้วยเครื่องหน้าได้รูป  จมูกโด่ง  ริมฝีปากบางเฉียบมักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ  ดวงตาของเขาดูขี้เล่นตลอดเวลา  นอกจากนี้เขายังมีสีนัยน์ตาและสีผมสำดำสนิทสมชื่อ

ขณะที่สหายอีกคนนั้นไม่ได้มีรูปร่างกำยำสมส่วนเช่นเขา  ซินซ์มีรูปร่างผอมบางจนผิดจากลักษณะของชายชาตรีโดยสิ้นเชิง  เขาสูงแค่คางของแบล็ค  มีผิวสีขาวสะอาด  ใบหน้าติดจะหวานคม  ริมฝีปากได้รูปในเวลานี้ไม่มีรอยยิ้มเช่นเดียวกับนัยน์ตาสีเงินที่ส่อแวว หงุดหงิดรำคาญใจต่อการขยี้หัวของเพื่อนรักที่ทำให้ผมสีน้ำตาลของเขา ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง

ทั้งสองเดินมาขึ้นมารถม้าที่จอดทิ้งไว้และเริ่มออกเดินทางโดยมีแบล็คเป็น คนคุมบังเหียน  เสียงฝีเท้าม้าและล้อรถดังก้องไปทั่วท้องถนนที่ไร้ผู้คน  สายลมยามค่ำคืนโชยมากระทบผิวกายนั้นเย็นสบายขณะที่รถม้ากำลังเคลื่อนที่ไป ด้วยความเร็ว

“แล้วเราจะไปไหนกันต่อ  เอาถุงเงินนั่นไปคืนคนว่าจ้างเลยดีไหม”  แบล็คเอ่ยถามคนข้างตัวแข่งกับเสียงลมที่ร้องหวีดอยู่ในหู  เขาพูดถึงถุงเงินที่ซินซ์กระตุกมาจากเจ้าตัวใหญ่ใจปลาซิวที่ยังนอนไม่ได้สติ อยู่ในตรอก

คนถูกถามหาวหวอด

“กลับไปนอนสิเจ้าบ้า เรื่องอื่นค่อยว่ากันพรุ่งนี้”
.
.
.

- To Be Continued -

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น